วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2559

การขนายพันธ์ุและปัจจัยในการเลี้ยง


การขยายพันธุ์
เป็นแมวหายากอีกสายพันธุ์หนึ่ง แม้ว่าจะสามารถเพาะพันธุ์ได้ตลอดปี แต่อัตราการเกิดต่ำกว่าแมวทั่วไป ขณะที่อัตราการตายจะสูงกว่าแมวพันธุ์อื่น เนื่องจากด้วยพันธุ์มันมียีนด้อย ส่งผลให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อายุขัยโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 9-15 ปี การผสมพันธุ์สฟิงซ์ ต้องใช้แมวสายพันธุ์เดียวกันเท่านั้น ลูกจึงจะออกมาไร้ขนและไม่ควรผสมพันธุ์กันเองในคอกเดียวกัน ซึ่งอาจจะมีผลทำให้ลูกที่เกิดมาอ่อนแอและตายได้ อาจเสริมด้วยนมหรือแคลเซียมบ้างในช่วงผสมพันธุ์หรือช่วงตั้งท้อง


ปัจจัยที่มีผลต่อขน
เป็นที่เข้าใจโดยทั่วไปว่า แมวสฟิงซ์เป็นแมวไม่มีขน แต่แท้จริงแล้วแมวสฟิงซ์นั้นจะมีขนบาง ๆ ปกคลุมอยู่ทั่วตัว และในบางตัวนั้นก็จะสามารถเห็นขนในบางจุดได้ชัดกว่าตัวอื่น โดยเฉพาะในบริเวณหาง อุ้งเท้า ใบหน้า และแนวสันหลัง ด้วยความที่แมวสฟิงซ์ อาจยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในไทย จึงทำให้มีผู้เลี้ยงจำนวนมากเข้าใจผิด คิดว่าแมวสฟิงซ์ที่เลี้ยง ซึ่งบางตัวที่ มีขนงอกออกมามากกว่าที่จะเป็นแค่ขนบางๆนั้น เข้าใจผิดว่ามันไม่ใช่แมวสฟิงซ์แท้ ซึ่งอันที่จริงแล้วถือว่าแทบจะเป็นเรื่องปกติของแมวสฟิงซ์เลย ที่จะมีขนงอกออกมามากกว่าที่จะเป็นแค่ขนบางๆในบางส่วน แต่ขนต้องไม่ถึงกับจัดเป็นแมวพันธุ์ Short Hair ปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดมีมากมายอาทิเช่น
1.สภาพอากาศ
สภาพอากาศที่แมวอาศัยอยู่ เช่น อากาศที่หนาวเย็น อาจส่งผลถึงขนแมวที่จะขึ้นยาวและชัดกว่าแมวที่อาศัยอยู่ในที่อากาศร้อน
2.อาหาร
เป็นที่ทราบกันดีว่า ตลาดแมวขนยาวมีขนาดใหญ่ในประเทศไทย แมวทุกสายพันธุ์สามารถกินอาหารแมวได้เกือบเหมือนกันทั้งหมด แต่อาหารแมวทั่วไปนั้นเป็นอาหารเพื่อแมวมีขน ซึ่งมีทั้งสูตรเร่งขน บำรุงขน ซึ่งมีผลต่อขนแมวที่จะขึ้นด้วย
3.ระดับฮอร์โมน
แมวที่กำลังติดสัดนั้น ในแมวเพศเมียจะมีความแปรปรวนทางฮอร์โมนซึ่งทำให้มีผลต่อขนที่จะขึ้น
4.ลักษณะเฉพาะ
แมวสฟิงซ์แต่ละตัวจะมีลักษณะเฉพาะของแต่ละตัว ซึ่งมีผลต่อขนที่ขึ้นตามส่วนต่างๆของมัน ซึ่งในกรณีของแมวสฟิงซ์แล้ว โดยพื้นฐานก็เป็นแมวกลายพันธุ์ที่ผิดธรรมชาติมาตั้งแต่แรกแล้ว
5.ปัจจัยอื่นๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น